Support
aharnsermdd
088-2677545
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
จำนวนครั้งที่เปิดดูสินค้า : 10899 | ความคิดเห็น: 0

มะโฮ

 เพิ่มเมื่อ: 2012-09-22 16:19:58.0
 แก้ไขล่าสุด: 2013-07-01 13:58:49.0
 เบอร์โทรติดต่อ: 088-2677545
 อีเมลล์: emma3_t@hotmail.com

รายละเอียด:
เบต้ากลูแคน มหัศจรรย์ใยอาหารแห่งยีสต์ดำ
2200.00 บาท

 สินค้าที่เกี่ยวข้อง

 

 มะโฮ เบต้ากลูแคนของแท้ราคาถูก ปกติ4000 ขาย 1650-2200 บาท

 สินค้าจากญี่ปุ่น

 พิเศษ กล่อง ละ 2200

กล่อง กล่องละ 2100 บาท


 พิเศษ ลัง = 12 กล่อง ราคากล่องละ 1950 บาท/กล่อง

   

ช่วยปรับระดับการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย

กระตุ้นการทำงานของเซลแมคโครฟาจในระบบภูมิต้านทานโรค

ปรับการทำงานของภูมิต้านทานที่ผิดปกติ เช่นภูมิแ


    ประโยชน์ของ เบต้ากลูแคน ชนิด 1,3/1,6 ต่อร่างกาย  

ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุของเนื้อร้าย (มะเร็ง)

ลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัด การฉายแสงพ้ โรคSLE

ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อน

ดูดซับไขมัน ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด

ลดอาการปวดตามข้อ ไขข้ออักเสบ

ลดการอักเสบจากการติดเชื้อแทรกซ้อน

เป็นตัวดีทอกซ์ประสิทธิภาพสูงมาก สามารถทำได้ถึงระดับเซลล์

เป็นใยอาหาร ช่วยในระบบขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก

ป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด ลดการอักเสบ ลดอาการแพ้ 

สมานแผลสด เรื้อรัง รอยไหม้ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

รักษาความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว ลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ

"มะโฮ ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จาก"


1. สถาบันวิจัยคิตะซาโตะ ที่มีชื่อเสียงด้านภูมิคุ้มกันวิทยา

2. สมาคมป้องกันโรคในผู้ใหญ่แห่งญี่ปุ่น (JAPA)

3. บริษัท Toray Research Center จำกัด (TRC)

4. สหพันธ์การเมืองเพื่อธุรกิจเครือข่ายของประเทศญี่ปุน (NPU)

5. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

6. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข

7. สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งปรย

"มะโฮ" เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น มีความหมายแปลว่า "สมบัติอันล้ำค่า" มีลักษณะเป็นเจล ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งรสใดๆ นำเข้าโดยบริษัทแคทส์ดอทคอมประเทศไทยจำกัด ได้รับการรับรองมารตฐานจาก "สถาบันวิจัยคิตาซาโต" แห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยา มาตรฐานในไทยผ่านการรับรองจาก "สคบ." (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) "อย." (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) และฮาลาล (สำนักงานคณะกรรการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) รวมถึงคำยืนยันจากผู้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นมานานกว่า10 ปี


ลักษณะเด่นของ "มะโฮ"

1. “มะโฮ” มีส่วนผสมของใยอาหาร เบต้ากลูแคน” ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานโรคในร่างกาย


2. “มะโฮ” มีลักษณะเป็นของเหลวแบบเจล ร่างกายจึงสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว


3. “มะโฮ” มาจากธรรมชาติ 100% มีเพียงกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนเท่านั้นที่กระทำโดยมนุษย์


4. “มะโฮ” เกิดขึ้นจากการเพาะเลี้ยงยีสต์ดำตามธรรมชาติในสัดส่วนส่วนผสมของสารอาหารที่เป็นมาตรฐาน (แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืช เพราะการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อม อุณหภูมิ ฯลฯ เป็นผลทำให้สารอาหารที่ผสมอยู่เปลี่ยนแปลงไป) ไม่ว่าใครก็สามารถรับประทานมะโฮได้ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอาย


ต้องเป็นเบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำเท่านั้น

"มะโฮ" เกิดจากการเพาะเลี้ยงยีสต์ดำสายพันธุ์ที่ได้คัดสรรแล้ว เลี้ยงด้วยอาหารผสม ประกอบด้วย ซูโครส รำข้าว วิตามินซี และสูตรอื่นที่เป็นความลับของทางบริษัท ผสมกับน้ำที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ส่วนผสมทุกอย่างต้องมาจากธรรมชาติ 100% เมื่อเซลล์ของยีสต์ดำเจริญขึ้น จะสร้างเส้นใยอาหารที่มีลักษณะเป็นของเหลวแบบเจลขึ้นมาห่อหุ่มเซลล์ของตัวเอง สารที่ได้นี้เองที่มีโครงสร้างโมเลกุลเป็น เบต้า แบบ 1,3 - 1,6 กลูแคน เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในวงการวิจัยและวงการแพทย์ทั่วโลก ซึ่งกระบวนการผลิตนี้ เพียงผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิสูงเท่านั้น (sterilization) เพื่อให้คงคุณสมบัติของเบต้ากลูแคนที่ได้อย่างครบถ้วน

มีขนาด 30 ซอง/ กล่อง

วิธีการทาน
ทานตอนท้องว่าง

เช้า 2 - กลางวัน เย็นก่อนนอน ซอง
ประมาณ อาทิตย์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นทันที 
ทาน 1-2 วันแรกจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที
(หากรัยประทานยาที่แพทย์สั่งอยู่  ให้ทานควบคู่กัน ไม่ควรหยุดทานยาที่ท่านทานอยู่)
ส่วนใหญ่ 99% จะได้ผลตอบรับที่ดี


บทความพิเศษ


โรคมะเร็ง

ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ นักชีววิทยาชาวฝรั่งเศส ชื่อ ฟรองซัวส์ แวงซองต์ ราสปายส์ (Francois Vincent Raspail) ได้กล่าวไว้ว่า "เซลล์ของร่างกายมนุษย์ นอกจากจะเป็นรากฐานของการมีชีวิตและสุขภาพแล้ว เซลล์ยังเป็นรากฐานของโรคภัยไข้เจ็บและความตายด้วย"

จึงกล่าวได้ว่า มะเร็ง คือ กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNAหรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ (ยกเว้นมะเร็งเม็ดเลือดขาว)และในที่สุดก็จะทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงเพราะการเจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะเรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด แต่ละชนิดจะมีการดำเนินของโรคไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกาย และความเหมาะสมของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งและการดำเนินโรคของมะเร็งด้วยเช่นกัน


มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

เพศชาย ได้แก่ มะเร็งปอด และมะเร็งตับ 

เพศหญิง ได้แก่ มะเร็งปากมดลุก และมะเร็งเต้านม

ปัจจุบันนักวิจัยเป็นจำนวนมากทั่วโลกต่างก็ได้พยายามที่จะค้นคว้าวิจัยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปกติเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ก็ยังไม่สามารถจะสรุปแน่นอนได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรแน่ แต่มีข้อมูลสนับสนุนว่า มาจากสาเหตุหลายๆอย่างร่วมกัน ดังนี้

สาเหตุภายในร่างกายเอง (เชื้อชาติพันธุกรรมเพศอายุ เป็นต้น)


สาเหตุจากภายนอกร่างกาย (ทางกายภาพ – แสงอาทิตย์ / นิ่ว / แผลจากไฟไหม้ - น้ำร้อนลวก / ทางเคมี-สารหนู สีย้อมผ้า บุหรี่ เป็นต้น)


การอักเสบจากการติดเชื้อเรื้อรังนานๆ


ฮอร์โมน มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านมจะมีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตเจน และโปรเจสเตอโรน หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก จะมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน เป็นต้น

สารพิษ โดยเฉพาะสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งพบได้ในอาหารประเภทถั่วต่างโดยเฉพาะถั่วลิสง(ขึ้นรา) อาหารประเภทข้าวต่าง ๆ มันสำปะหลัง นอกจากนี้ยังเคยมีรายงานการตรวจพบสารอะฟลาทอกซินในน้ำนมวัว มะพร้าว และน้ำมันถั่วลิสง  อะฟลาท็อคซินนี้ทำให้เกิดมะเร็งตับได้โดยตรง

พยาธิบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งตับบางชนิดได้
ภาวะขาดอาหาร โรคตับแข็งซึ่งเกิดจากการขาดอาหารโปรตีน จะกลายเป็นมะเร็งตับได้ง่าย 

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง 

-ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของระบบหายใจ ได้แก่ ปอด และกล่องเสียง เป็นต้น


-ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ถ้าทั้งดื่มสุราและสูบบุหรี่จัด จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปากและในลำคอด้วย


-ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี

-ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารที่มี สารพิษ ชื่อ อัลฟาทอกซิน ที่พบจากเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารเช่น ถั่วลิสงป่น เป็นต้น หากรับประทานเป็นประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ และหากได้รับทั้ง อย่าง มีโอกาสจะเป็นมะเร็งตับมากขึ้น

-ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก และต่อมลูกหมาก

-ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และรับประทานอาหารที่ใส่ดินประสิวเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ


-ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอันเกิดจากความผิดปกติจากพันธุกรรมหรือติดเชื้อไวรัสเอดส์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งของหลอดเลือด เป็นต้น


-ผู้ที่รับประทานอาหารเค็มจัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิวและส่วนไหม้เกรียม ของอาหารเป็นประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่


-ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว อาทิ มะเร็งของจอตา มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น

-ผู้ที่ตากแดดจัดเป็นประจำจะได้รับอันตรายจากแสงแดดที่มีปริมาณของแสงอุลตร้า ไวโอเลต จำนวนมาก มีผลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง มีได้ วิธี

-โดยทางกระแสเลือด เซลล์มะเร็งจะหลุดเข้ากระแสเลือด แล้วไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ตับ กระดูก สมอง ฯลฯ


-โดยทางกระแสน้ำเหลือง เซลล์มะเร็งหลุดเข้าหลอดน้ำเหลืองแล้วไปเจริญเติบโตในต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองมีขนาดโตได้มาก ๆ และจากต่อมน้ำเหลืองนี้ เซลล์มะเร็งอาจจะแพร่กระจายเข้าสู่หลอดเลือดอีกทอดหนึ่งก็ได้

-โดยการฝังตัวของเซลล์มะเร็ง โดยเซลล์มะเร็งหลุดจากตำแหน่งเดิม และไปเจริญที่ส่วนอื่น อาจจะเป็นการหลุดโดยธรรมชาติ หรือการหลุดโดยการกระทำของแพทย์ เช่น ขณะผ่าตัด เป็นต้น

-โดยการไปจับหรือรวมตัวตามพื้นผิวของผนังเยื่อบุ โดยเซลล์มะเร็งหลุดจากก้อนมะเร็ง และไปงอกตามพื้นผิวของเยื่อบุต่าง ๆ เหมือนกับต้นกาฝากที่แพร่จากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งไปยังกิ่งติด ๆ กัน เช่น ตามพื้นผิวของเยื่อบุช่องท้อง ช่องปอด เป็นต้น


เบต้ากลูแคนกับโรคมะเร็ง

เบต้ากลูแคนจะไปกระตุ้นและเพิ่มพลังให้เม็ดเลือดขาว(ซึ่งทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม เซลล์ร้ายต่างๆโดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง) อีกทั้งยังกระตุ้นให้พลาสม่าเซลล์สร้างแอนตี้บอดี้ต้านเซลล์มะเร็ง โดยจะลอยไปตามกระแสเลือด ซึ่งเมื่อพบเซลล์มะเร็ง ก็จะเกาะติดเป็นเป้าให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปโจมตีทำลาย


นอกจากนี้เบต้ากลูแคน  ยังเสริมให้การรักษามะเร็งโดยใช้ยาคีโมได้ผลดียิ่งขึ้น ในการแพทย์แผนปัจจุบันกับการรักษาโรคมะเร็ง จะใช้การผ่าตัด ฉีดยาคีโม และการฉายรังสีทำลายมะเร็งรวมกัน ยาคีโมจะทำให้จำนวนเม็ดโลหิตขาวในเลือดลดจำนวนต่ำกว่าปกติ   จึงทำให้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคสารพัดได้โดยง่าย เพราะมีภูมิต้านทานต่ำหรือบกพร่องซึ่งสถานะเท่ากับคนเป็นเอดส์ แต่การกินเบต้ากลูแคนจะเสริมไม่ให้เกิดปัญหาเม็ดโลหิตขาวบกพร่อง จึงเสริมในการทำลายเซลล์มะเร็งได้มากกว่าแต่ละอย่างรวมกัน


เบต้ากลูแคนป้องกันอันตรายจากรังสีบำบัดมะเร็ง โดยจะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนจากรังสีและยังเสริมภูมิต้านทานอีกด้วยซึ่งเรียกว่าเกิดผลประโยชน์ข้างเคียง

   หมายเหตุ มะโฮดป็นเพีบงอาหารเสริม
   ไม่มีฤทธ์ ในทางรักษาสโรคให่้หานขิ

 

guest
ชื่อ
Email
เบอร์โทรศัพท์