มารู้จักพื้นไม้ปาร์เก้อย่างเจาะลึก
การนำไม้มาซอยเป็นชิ้นเล็กๆขนาดเท่าๆกัน มาเรียงต่อกันขนาด 1 ตารางฟุต แบบนี้เรียก "ปาร์เก้โมเสก" ส่วนอีกแบบทำเป็นชิ้นๆหนาประมาณ 1.8 เซนติเมตร กว้าง 2-4 นิ้ว และยาว 8-14 นิ้ว แบบนี้เรียกว่า "ปาร์เก้รางลิ้น" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อไม้ ปาร์เก้ (parquet) เพราะหมายถึงการนำไม้ชิ้นเล็กมาต่อกันให้เป็นแผ่นๆ
เรียนรู้วิธีการปูพื้นไม้อย่างถูกวิธีไม่ให้ช่างหลอกจนได้งานไม่เรียบร้อย 1. ช่างต้องเตรียมผิวพื้นคอนกรีตหรือพื้นซีเมนต์ทำการขัดมันเรียบ 2. ทากาวติดปาร์เก้ให้ทั่วพื้น แล้วปูไม้จนเต็มพื้นที่ ทิ้งไว้ให้กาวแห้งประมาณ 7-10 วัน 3. จากนั้นช่างจะต้องขัดด้วยเครื่องขัดกระดาษทราย ไล่เลียงตั้งแต่กระดาษทรายเบอร์หยาบไปจนถึงเบอร์ละเอียด 4. เมื่อขัดได้เรียบร้อยดีแล้ว จึงทาด้วยสีย้อมไม้ธรรมชาติแบบเคลือบแข็ง ตระกูลโพลียูริเทน (Polyurethane) เพื่อเคลือบผิว รักษาเนื้อไม้ และป้องกันรอยขูดขีด และควรทาเคลือบผิวไม้อย่างน้อย 3 รอบ หรือหากจะให้ดีควรจะทาสัก 5 รอบ
การดูแลรักษาพื้นปาร์เก้ 1.พื้นไม้ปาร์เก้เหมาะสำหรับงานพื้นภายในบ้านเท่านั้น และไม่สามารถรองรับแรงกระแทกหรือการขูดขีดมากจึงควรถอดรองเท้าเมื่อเข้าบ้าน และป้องกันการขูดขีดจากการลากเฟอร์นิเจอร์ด้วยแผ่นสักกะหลาดรองขาเฟอร์ 2.ป้องกันน้ำและความชื้น ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความชื้นจากพื้นปูนด้านล่าง หรืออาจเป็นเพราะช่างรีบปูปาร์เก้ ขณะที่พื้นปูนยังไม่แห้งดีทำให้เกิดการโก่งงอของไม้
สาเหตุการหลุดร่อนของพื้นไม้ 1.อย่าเร่งรีบปูพื้นปาร์เก้หากผิวพื้นปูนซีเมนต์ยังไม่แห้งสนิท ควรปล่อยให้ความชื้นในพื้นคอนกรีตระเหยออกให้หมดก่อนอย่างน้อย10-15 วัน 2. สำหรับพื้นชั้นล่างซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นดินซึ่งมีความชื้นมากจะทำให้เกิดปัญหา พื้นไม้หลุดร่อนแนะนำให้ใช้พลาสติกแบบหนาปูคลุมพื้นดินก่อนปูพื้นคอนกรีต รวมทั้งผสมน้ำยากันซึม จะช่วยป้องกันได้มาก 3. ความชื้นจากตัวไม้ปาร์เก้เอง โดยเฉพาะไม้ปาร์เก้ที่ไม่ได้ผ่านการอบไล่ความชื้น เมื่อเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือบริเวณที่ถูกแสงแดดมาก เมื่อใช้ไปนานๆ ไม้ปาร์เก้จะพองตัว บิดงอ และบวมขึ้นได้ 4.เกิดจากการเสื่อมสภาพของกาวที่ยึดติดพื้นไม้ปาร์เก้กับพื้นคอนกรีต บางครั้งเกิดจากช่างใช้กาวในการปูน้อยเกินไป หรือช่างบางคนอาจประหยัดมากไป หรือใช้กาวคุณภาพไม่ดีในการติดตั้ง 5.ปัญหาที่พบอีกประการหนึ่ง คือ การดันตัวโก่งงอขึ้นของพื้นปาร์เก้ เพราะไม้มีการยืดหดตัวสูงตามธรรมชาติ อยู่แล้ว ดังนั้นช่างจำเป็นต้องปูไม้ปาร์เก้ไม่ให้อัดแน่นเกินไป ดังนั้นจึงควรเว้นให้เหลือช่องว่างระหว่างขอบพื้นไม้ริมผนังสักประมาณ 1-2 เซนติเมตร เพื่อให้ไม้ขยายตัวบริเวณริมผนังได้ 6. ความชื้นจากการใช้งาน เช่น น้ำหกลงบนพื้นโดยไม่รีบเช็ดปล่อยไว้ข้ามคืน หรือ ละอองฝนสาดเข้ามาบนพื้นเป็นเวลานาน ฯลฯ แม้จะมีการทาน้ำยาเคลือบรักษาเนื้อไม้หลายชั้น แต่อาจจะเป็นปัญหาเรื่องรอยต่อริมผนังที่ไม่สนิท ที่เว้นไว้เพื่อป้องกันการขยายตัวของไม้ ทำให้น้ำไหลซึมเข้าไปทำความเสียหายได้
การซ่อมแซมพื้นปาร์เก้เก่าให้ดูเหมือนใหม่ 1. ทำการขัดพื้นผิวปาร์เก้ให้สะอาด และเช็ดทำความสะอาดให้หมดคราบฝุ่น , น้ำมัน แล้วเริ่มขัดผิวไม้ด้วยกระดาษทรายเบอร์ 80-100 เพื่อลอกผิวที่เคลือบไว้จนหมดก่อน 2. จากนั้นทาสีทาไม้ปาร์เก้ที่มีทั้งสูตรน้ำมัน และเดี๋ยวนี้ยังมี สูตรน้ำ โพลียูรีเทน ซึ่งไม่มีกลิ่น ทาง่าย และทนต่อการขูดขีดเหมาะกับงานซ่อมแซมเล็กๆน้อยด้วยตัวเอง 3. ขั้นตอนการทาสีก็ไม่ยาก ใช้ไม้คนให้เข้ากัน โดยไม่ต้องผสมน้ำ แล้วทาตามแนวพื้นไม้ ส่วนแปรงที่ใช้ ใช้แปรงขนกระต่าย เพาะตัวขนแปรงมีความอ่อนนุ่ม ทำให้พื้นไม้ไม่เป็นรอยในการทารอบแรก ทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง แล้วควรทาอย่างน้อย 3-4 เที่ยว เพื่อเพิ่มการยึดเกาะและความสวยงามเรียบเนียนของพื้นผิว 4 . หากพื้นไม้แยกตัว หรือแตกให้โป๊วไม้ และอุดรูรอยแตกต่าง ๆ โดยต้องเริ่มจากขัดรอยให้เรียบก่อนที่จะทาสีใหม่ลงไป โป๊วแต่งผิวไม้ด้วย wood filler ที่เดี๋ยวนี้มีทำสำเร็จเลือกตามเฉดสีพื้นที่บ้านได้เลย
|
วันที่: Wed Dec 18 07:58:14 ICT 2024
|
|
|
ต้องใช้สีที่มีคุณภาพด้วยนะครับ ไม่ว่าจะทาสีเก่งแค่ไหน ถ้าสีไม่ดีก็จบครับ